เป็นศิลปะการพ่นสีสเปรย์ลงบนกำแพงค่ะ
ลองมาศึกษาที่มาของ Graffiti กันเลย
ประเภทของ Graffiti
"Tag"
คือการเซ็นลายเซ็นหรือนามแฝงของแต่ละคนโดยสเปรย์กระป๋อง หรือ ปากกา ส่วนมากใช้สีเดียว บางคนอาจพ่นเป็นตัวอักษรธรรมดา ขณะที่บางคนดีไซน์ให้เป็นตัวอักษรที่เกาะเกี่ยวกันจนอ่านไม่ออก เน้นให้ดูแปลกและสะดุดตา
"Throw-ups"
คือการเขียนเร็ว ๆ ด้วยสีพื้นฐาน จำนวนน้อยสีนิยมใช้สีขาวดำ แสดงให้เห็นเส้นสายที่รวดเร็ว เป็นการเขียนตัวอักษรน้อยตัว มีเส้นตัดขอบเพื่อให้ดูมีมิติ ไม่เน้นความสวยงาม เพราะต้องทำแข่งกับเวลา
"Fill-in"
หรือ "Piece" คือ "Throw-ups" ที่ซับซ้อนขึ้น เป็นผลงานของไรเตอร์คนเดียว เป็นการพ่นสีสเปรย์ให้เป็นภาพหรือตัวอักษรที่สวยงาม ใช้เวลานานในการสร้างสรรค์ เพื่อให้ผลงานออกมาสมบูรณ์
"Block"
หรือ "Bubble" การเขียน Tag ที่ดูมีมิติมากขึ้น ใช้สีประมาณ 3 สี หรือมากกว่านั้น
"Wildstyle"
หรือ "Wickedstyle" เป็นสไตล์ที่ซับซ้อนขึ้น มีการเกาะเกี่ยวกันของตัวหนังสือ ลักษณะการเขียนประเภทนี้จะอ่านค่อนข้างยาก เพื่อแสดงความเหนือชั้นของการดีไซน์
"Blockbuster"
คือ "Fill-in" ที่เขียนที่ตั้งใจเขียนทั้งผนัง
"Character"
คือการพ่นเป็นรูปคน หรือ คาแร็กเตอร์ต่าง ๆ ไม่วาจะเป็นตัวการ์ตูน หรือเป็นภาพเสมือนจริงของดารา-นักร้องในดวงใจ หรืออาจเป็นตัวการ์ตูนที่ไรเตอร์ออกแบบเองเพื่อเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของไรเตอร์คนนั้น ๆ
"Production"
คือ การรวมกราฟฟิตีทุกรูปแบบไว้ด้วยกัน เกิดจากการรวมที่ไรเตอร์หลายคนหรือหลายกลุ่มนัดกันสร้างผลงานร่วมกัน โดยมีธีมไปในทิศทางเดียวกันหรือสอดคล้องกัน เช่น นัดกันพ่นคาแร็กเตอร์ประจำตัวของไรเตอร์แต่ละคนหรือพ่นชื่อกลุ่ม ชื่อตัวเอง หรือเปล่าไรเตอร์อาจร่วมกันกำหนดวาระต่าง ๆ ขึ้นเอง
Graffiti ในประเทศไทย
กราฟฟิตีในประเทศไทยมีให้เห็นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะพบเห็นตามอาคารหรือกำแพงที่ถูกทิ้งร้าง รวมถึงกำแพงและอาคารที่ยังมีผู้อยู่อาศัยด้วย ส่วนใหญ่กราฟฟิตีในประเทศไทยยังเป็นการแสดงออกทางศิลปะเท่านั้น ยังไม่มีการเสียดสีหรือล้อเลียนเรื่องราวต่างๆ ในสังคมมากนัก
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก: http://th.wikipedia.org/
พี่ค่ะ ช่วยแนะนำที ว่าในประเทศไทยมีตรงไหนบ้าง นอกจากราชเทวี อะค่ะ
ตอบลบ